พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
พญาครุฑมหาเศรษฐ...
พญาครุฑมหาเศรษฐี พ่อท่านเขียว เนื้อทรายทอง ปี 2558
พญาครุฑมหาเศรษฐีพ่อท่านเขียว รุ่น86ปี เศรษฐีกิตติคุโณ เนื้อสัมฤทธิ์ชุบทองพ่นทราย วัดห้วยเงาะ ปี2558
(สุดยอดพิธีพุทธาภิเษก-มวลสาร-ฤกษ์อันมงคล-พุทธศิลป์ที่สวยงาม)
ด้วยวาระอันเป็นมงคลมหามงคล เวลา 10.09 น. วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558 วันอาทิตย์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือนเจ็ด ปีมะแม พ่อท่านเขียว กิตติคุโณ วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี เมตตาปลุกเสกเดี่ยววัตถุมงคล "สิงห์ ๑" ๘๖ ปี เศรษฐีกิตติคุโณ เป็นครั้งแรก เพื่อความสวัสดิมงคลปฐมฤกษ์เป็นกรณีพิเศษ และในวันพฤหัสบดี ที่ 18 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ จะมีพิธีมหาพุทธาภิเษก อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ณ มณฑลพิธีวัดห้วยเงาะ โดยสุดยอดพระเกจิอาจารย์สายใต้ อาทิ
1.พ่อท่านแสง วัดบ้านตรัง,
2.พ่อท่านจวน วัดยางแดง,
3.พ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ,
4.พ่อท่านขับ วัดบางขวนเหนือ,
5.พ่อท่านขาว วัดพรุพ้อ,
6.พ่อท่านมหาอุทัย วัดดอนศาลา,
7.พ่อท่านจ่าง วัดศรีมหาโพธิ์,
8.พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม
พิธีพุทธาภิเษกมงคลวัตถุ "สิงห์ ๑" 86 ปีเศรษฐีกิตติคุโณ วาระแรกอธิษฐานจิตปลุกธาตุ ทั้ง 4 นะ มะ พะ ทะ ณ มณฑลพิธีอุโบสถวัดห้วยเงาะ วันอังคารที่ 17 มีนาคม 2558 เวลา 13.29 น. โดยมีพ่อท่านเขียว เป็นประธานในพิธี และพระเกจิคณาจารย์สายใต้ 108 รูป ร่วมสร้างตำนานปลุกพลังแห่งพระสุบรรณ ผู้เป็นใหญ่แห่งนภากาศ และพญาสิหราช ผู้มีอำนาจแห่งหิมพานต์ ให้สมบูรณ์แบบตามตำรับวัดห้วยเงาะ สร้างปรากฏการณ์ "ดีนอก-ดีใน" เข้มขลังเอกอุ ดั่งสมญานาม "พ่อท่านเขียว เทพเจ้าฝ่าย" ณ แผ่นดินลังกาสุกะ **อัศจรรย์ในพิธีเมื่อแรกเริ่มจุดเทียนชัยกระแสลมแรงพัดกระหน่ำดั่งราวจะ เกิดพายุใหญ่แต่เพียงพริบตากลับสงบเรียบเงียบงัน เมื่อพิธีปลุกธาตุทั้ง 4 เริ่มขึ้น
"ตำนานแห่งสิงห์ หรือราชสีห์"
คติความเชื่อที่นำ "สิงห์" หรือ "ราชสีห์" มาเป็นสัญญลักษณ์นั้น น่าจะมาจากคติของศาสนาพราหมณ์ ในตำนานของโหราศาสตร์ที่ถือว่า พระอาทิตย์ขี่ราชสีห์ และพระอาทิตย์เองก็ถูกสร้างมาจากราชสีห์ กล่าวคือ พระอิศวรได้นำเอาราชสีห์ 6 ตัวมาป่นให้ละเอียด แล้วห่อด้วยผ้าสีแดงแล้วพรมด้วยน้ำอมฤต ก็จึงบังเกิดพระอาทิตย์ขึ้น และราชสีห์นี้ได้นำมาใช้เทียมราชรถของผู้ยิ่งใหญ่ เช่น พระอาทิตย์ ดังนั้นอิทธิพลของการใช้ราชสีห์เป็นสัญญลักษณ์จึงปรากฏในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ภาพปูนปั้นฐานเจดีย์ และภาพจิตรกรรมฝาผนัง รวมถึงปรากฏในตำนานเมืองนครราชสีมา ตำนานพระนอนจักรสีห์ และพระมหาเวสสันดอนชาดกกัณฑ์มหาพน เป็นต้น
คุณลักษณะของราชสีห์ที่ปรากฏในหนังสือปัญหาพระยามิลินท์สีห วรรคที่ 5 นั้นมีลักษณะ 7 ประการคือ
1. เป็นสัตว์ที่สะอาดหมดจดไม่มัวหมอง
2. เที่ยวไปด้วยเท้าทั้งสี่ มีเยื้องกรายอย่างกล้าหาญ
3. มีรูปร่างโอ่อ่า สร้อยคอสะสวย
4. ไม่นอบน้อมสัตว์ใด ๆ แม้เพราะต้องเสียชีวิต
5. หาอาหารไปโดยลำดับ พบปะอาหารที่ใด ก็กินเสียจนอิ่มในที่นั้น ไม่เลือกว่าดี หรือไม่ดีกินได้ทั้งนั้น
6. ไม่มีการสะสมอาหาร
7. หาอาหารไม่ได้ก็ไม่ดิ้นรน ได้ก็ไม่ทะเยอทะยาน และไม่กินจนเกินต้องการ
สัญลักษณ์รูป “สิงห์” หรือ “ราชสีห์” ถูกนำมาใช้เป็นตราประจำตำแหน่งสมุหนายก ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่๕) ทรงพระราชทานให้เป็นตราประจำกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ปวงประชาราษฎร์” หรือแม้แต่ ชาวต่างชาติต่างภาษาก็ยังยกย่อง “สิงห์” ว่า “เป็นที่สุดแห่งสัตว์มงคลทั้งปวง” และนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์สำคัญประจำชาติ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ และอินเดีย
ตั้งแต่โบราณกาลนั้น “สิงห์” หรือ “ราชสีห์” เป็นดั่งราชาแห่งสัตว์ทั้งปวง ด้วยลักษณะแห่งความเข้มแข็ง ทรงพลัง และสง่างามของสิงห์ พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงพุทธาคมจึงนิยมที่จะนำรูปลักษณ์ดังกล่าวมาจัดสร้างเป็น เครื่องรางวัตถุมงคล โดยพุทธคุณแห่งการบูชาเครื่องรางวัตถุมงคลรูปสิงห์นั้น มีความเชื่อกันว่าจะทำให้ผู้ที่บูชานั้น
"มั่งมีในทรัพย์สิน และหมดสิ้นศัตรู อุปสรรคอันใดที่มีอยู่ จะสลายหายสิ้นไปโดยพลัน"
ผู้ที่ต้องเดินทางเข้าป่า มักจะนิยมพกพาเครื่องรางวัตถุมงคลรูปสิงห์ไว้เสมอ เพราะเชื่อว่า สัตว์ร้ายต่างๆ ในป่าจะยำเกรง ไม่กล้าทำอันตรายต่อผู้ที่บูชา เพราะ "สิงห์" คือ เจ้าแห่งป่า สัตว์น้อยหรือใหญ่ทั่วไพรพนา มิอาจหาญกล้าเข้ามากล้ำกรายและแม้แต่ความเชื่อของพราหมณ์ หรือโหราศาสตร์นั้นก็เชื่อว่า พระอาทิตย์ เอกะเทพเจ้า ผู้บันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ สว่างไสว มั่งคั่ง เพียบพร้อมด้วยมหาอำนาจบารมี ก็กำเนิดเกิดจากราชสีห์ สิงห์ เช่นกัน
************************
ประวัติโดยสังเขป พ่อท่านเขียว กิตฺติคุโณ กับ...ที่มาของฉายา 'เทพเจ้าฝ่ายบู๊'
พระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "เทพเจ้า" มีอยู่หลายรูป ส่วนใหญ่จะมรณภาพไปแล้ว เช่น
- "เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำชี" คือ พระมงคลญาณเถร หรือ หลวงปู่มา ญาณวโร ประธานสงฆ์แห่ง วัดสันติวิเวก อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
-"เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำโขง" คือ พระสุนทรธรรมากร หรือ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม
- "เทพเจ้าแห่งดอน (โคก) ยายหอม" คือ พระราชธรรมาภรณ์ หรือหลวงพ่อเงิน จนฺทสุวณฺโณ วัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม
- "เทพเจ้าของชาวชุมพร" คือ หลวงปู่สงฆ์ จนฺทสโร วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร และ "เทพเจ้าแห่งเมืองพิจิตร" หรือเทพเจ้าแห่งโพทะเล คือ หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร
ในขณะที่พระเกจิอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ คือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยมีการตั้งฉายานามว่า "เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด"
ส่วนอีกรูปหนึ่ง แม้ว่าท่านจะมีชื่อเสียงโด่งดังไม่เท่าหลวงพ่อคูณ แต่ก็เป็นที่รู้จักของพี่น้องชาวใต้เป็นอย่างดี คือ
-พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ หรือ พระครูอนุศาสน์กิจจาทร อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่ได้รับฉายานามว่า
"เทพเจ้าฝ่ายบู๊"
สำหรับที่มาของฉายานาม "เทพเจ้าฝ่ายบู๊" ของพ่อท่านเขียว เพราะท่านได้ทำนายเหตุการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ก่อนล่วงหน้า พร้อมกับสร้างตะกรุดพิสมรหลวงปู่ทวด แจกพี่น้อง ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนมีเหตุการณ์ความไม่สงบ
และตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ยังไม่มีผู้ใดแขวนเครื่องรางของขลังของพ่อท่านเขียว แล้วสังเวยชีวิตให้แก่เหตุการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เลย แม้แต่คนเดียว ส่วนยิงไม่ออก ยิงไม่เข้า ยิงไม่ถูก หรือแม้แต่โดนระเบิดไม่เป็นไร มีให้เห็นอยู่ทุกวัน
ท่านได้เป็นสหธรรมมิกกับ พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม) เจ้าอาวาสวัดช้างให้ ด้วยความสนิทสนม ชอบพออัธยาศัย ไปมาหาสู่กันเสมอ ระยะทางระหว่างวัดทั้งสองไม่ไกลกันนัก โดยได้ร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรมร่วมพิธีกรรมต่างๆ กันเสมอ
โดยเฉพาะเมื่อคราวที่พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ สร้างพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก เมื่อปี ๒๔๙๗ เพื่อแจกแก่ผู้ที่ร่วมสร้างอุโบสถ วัดช้างให้ นั้น พ่อท่านเขียว เป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมงาน โดยคลุกเนื้อผสมว่าน และร่วมอยู่ในพิธีกรรมเจริญพุทธมนต์
ระหว่าง ที่ท่านพระอาจารย์ทิมอัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด เพื่อปลุกเสกพระเครื่องเนื้อว่าน รุ่นแรก ในปี ๒๔๙๗ และร่วมพิธีกรรมปลุกเสกอีกหลายวาระ
จนเมื่อพระอาจารย์ทิมท่านมรณภาพแล้ว ยังมีพิธีกรรมที่สำคัญอีก ๑ วาระ คือ พิธีปลุกเสกพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน รุ่นปี ๒๕๒๔ ปัจจุบันเป็นที่เสาะหากันมาก เพราะมีประสบการณ์คุ้มภยันตรายแคล้วคลาดปลอดภัย แก่ผู้ที่นับถือ
นอกจากนี้ พ่อท่านเขียว ยังได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ในหลายพิธีตลอดมา ทั้งไกลและใกล้ จนถึงปัจจุบัน
ผู้เข้าชม
2441 ครั้ง
ราคา
850
สถานะ
ยังอยู่
ชื่อร้าน
พีพีพระเครื่อง
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
tanetbty
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 057-1-47965-6

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
เจริญสุขว.ศิลป์สยามบ้านพระสมเด็จก้อง วัฒนาบ้านพระหลักร้อยชา วานิช
ชาวานิชปลั๊ก ปทุมธานีjazzsiam amuletยอด วัดโพธิ์TotoTatoน้ำตาลแดง
kumphatermboonพีพีพระสมเด็จภูมิ IRNithipornep8600
nattapong939digitalplusขวัญเมืองPoosuphan89tintinfuchoo18
AchitumlawyerMuthitaเทพจิระพีพีพระเครื่องโกหมู

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1047 คน

เพิ่มข้อมูล

พญาครุฑมหาเศรษฐี พ่อท่านเขียว เนื้อทรายทอง ปี 2558




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
พญาครุฑมหาเศรษฐี พ่อท่านเขียว เนื้อทรายทอง ปี 2558
รายละเอียด
พญาครุฑมหาเศรษฐีพ่อท่านเขียว รุ่น86ปี เศรษฐีกิตติคุโณ เนื้อสัมฤทธิ์ชุบทองพ่นทราย วัดห้วยเงาะ ปี2558
(สุดยอดพิธีพุทธาภิเษก-มวลสาร-ฤกษ์อันมงคล-พุทธศิลป์ที่สวยงาม)
ด้วยวาระอันเป็นมงคลมหามงคล เวลา 10.09 น. วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558 วันอาทิตย์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือนเจ็ด ปีมะแม พ่อท่านเขียว กิตติคุโณ วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี เมตตาปลุกเสกเดี่ยววัตถุมงคล "สิงห์ ๑" ๘๖ ปี เศรษฐีกิตติคุโณ เป็นครั้งแรก เพื่อความสวัสดิมงคลปฐมฤกษ์เป็นกรณีพิเศษ และในวันพฤหัสบดี ที่ 18 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ จะมีพิธีมหาพุทธาภิเษก อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ณ มณฑลพิธีวัดห้วยเงาะ โดยสุดยอดพระเกจิอาจารย์สายใต้ อาทิ
1.พ่อท่านแสง วัดบ้านตรัง,
2.พ่อท่านจวน วัดยางแดง,
3.พ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ,
4.พ่อท่านขับ วัดบางขวนเหนือ,
5.พ่อท่านขาว วัดพรุพ้อ,
6.พ่อท่านมหาอุทัย วัดดอนศาลา,
7.พ่อท่านจ่าง วัดศรีมหาโพธิ์,
8.พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม
พิธีพุทธาภิเษกมงคลวัตถุ "สิงห์ ๑" 86 ปีเศรษฐีกิตติคุโณ วาระแรกอธิษฐานจิตปลุกธาตุ ทั้ง 4 นะ มะ พะ ทะ ณ มณฑลพิธีอุโบสถวัดห้วยเงาะ วันอังคารที่ 17 มีนาคม 2558 เวลา 13.29 น. โดยมีพ่อท่านเขียว เป็นประธานในพิธี และพระเกจิคณาจารย์สายใต้ 108 รูป ร่วมสร้างตำนานปลุกพลังแห่งพระสุบรรณ ผู้เป็นใหญ่แห่งนภากาศ และพญาสิหราช ผู้มีอำนาจแห่งหิมพานต์ ให้สมบูรณ์แบบตามตำรับวัดห้วยเงาะ สร้างปรากฏการณ์ "ดีนอก-ดีใน" เข้มขลังเอกอุ ดั่งสมญานาม "พ่อท่านเขียว เทพเจ้าฝ่าย" ณ แผ่นดินลังกาสุกะ **อัศจรรย์ในพิธีเมื่อแรกเริ่มจุดเทียนชัยกระแสลมแรงพัดกระหน่ำดั่งราวจะ เกิดพายุใหญ่แต่เพียงพริบตากลับสงบเรียบเงียบงัน เมื่อพิธีปลุกธาตุทั้ง 4 เริ่มขึ้น
"ตำนานแห่งสิงห์ หรือราชสีห์"
คติความเชื่อที่นำ "สิงห์" หรือ "ราชสีห์" มาเป็นสัญญลักษณ์นั้น น่าจะมาจากคติของศาสนาพราหมณ์ ในตำนานของโหราศาสตร์ที่ถือว่า พระอาทิตย์ขี่ราชสีห์ และพระอาทิตย์เองก็ถูกสร้างมาจากราชสีห์ กล่าวคือ พระอิศวรได้นำเอาราชสีห์ 6 ตัวมาป่นให้ละเอียด แล้วห่อด้วยผ้าสีแดงแล้วพรมด้วยน้ำอมฤต ก็จึงบังเกิดพระอาทิตย์ขึ้น และราชสีห์นี้ได้นำมาใช้เทียมราชรถของผู้ยิ่งใหญ่ เช่น พระอาทิตย์ ดังนั้นอิทธิพลของการใช้ราชสีห์เป็นสัญญลักษณ์จึงปรากฏในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ภาพปูนปั้นฐานเจดีย์ และภาพจิตรกรรมฝาผนัง รวมถึงปรากฏในตำนานเมืองนครราชสีมา ตำนานพระนอนจักรสีห์ และพระมหาเวสสันดอนชาดกกัณฑ์มหาพน เป็นต้น
คุณลักษณะของราชสีห์ที่ปรากฏในหนังสือปัญหาพระยามิลินท์สีห วรรคที่ 5 นั้นมีลักษณะ 7 ประการคือ
1. เป็นสัตว์ที่สะอาดหมดจดไม่มัวหมอง
2. เที่ยวไปด้วยเท้าทั้งสี่ มีเยื้องกรายอย่างกล้าหาญ
3. มีรูปร่างโอ่อ่า สร้อยคอสะสวย
4. ไม่นอบน้อมสัตว์ใด ๆ แม้เพราะต้องเสียชีวิต
5. หาอาหารไปโดยลำดับ พบปะอาหารที่ใด ก็กินเสียจนอิ่มในที่นั้น ไม่เลือกว่าดี หรือไม่ดีกินได้ทั้งนั้น
6. ไม่มีการสะสมอาหาร
7. หาอาหารไม่ได้ก็ไม่ดิ้นรน ได้ก็ไม่ทะเยอทะยาน และไม่กินจนเกินต้องการ
สัญลักษณ์รูป “สิงห์” หรือ “ราชสีห์” ถูกนำมาใช้เป็นตราประจำตำแหน่งสมุหนายก ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่๕) ทรงพระราชทานให้เป็นตราประจำกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ปวงประชาราษฎร์” หรือแม้แต่ ชาวต่างชาติต่างภาษาก็ยังยกย่อง “สิงห์” ว่า “เป็นที่สุดแห่งสัตว์มงคลทั้งปวง” และนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์สำคัญประจำชาติ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ และอินเดีย
ตั้งแต่โบราณกาลนั้น “สิงห์” หรือ “ราชสีห์” เป็นดั่งราชาแห่งสัตว์ทั้งปวง ด้วยลักษณะแห่งความเข้มแข็ง ทรงพลัง และสง่างามของสิงห์ พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงพุทธาคมจึงนิยมที่จะนำรูปลักษณ์ดังกล่าวมาจัดสร้างเป็น เครื่องรางวัตถุมงคล โดยพุทธคุณแห่งการบูชาเครื่องรางวัตถุมงคลรูปสิงห์นั้น มีความเชื่อกันว่าจะทำให้ผู้ที่บูชานั้น
"มั่งมีในทรัพย์สิน และหมดสิ้นศัตรู อุปสรรคอันใดที่มีอยู่ จะสลายหายสิ้นไปโดยพลัน"
ผู้ที่ต้องเดินทางเข้าป่า มักจะนิยมพกพาเครื่องรางวัตถุมงคลรูปสิงห์ไว้เสมอ เพราะเชื่อว่า สัตว์ร้ายต่างๆ ในป่าจะยำเกรง ไม่กล้าทำอันตรายต่อผู้ที่บูชา เพราะ "สิงห์" คือ เจ้าแห่งป่า สัตว์น้อยหรือใหญ่ทั่วไพรพนา มิอาจหาญกล้าเข้ามากล้ำกรายและแม้แต่ความเชื่อของพราหมณ์ หรือโหราศาสตร์นั้นก็เชื่อว่า พระอาทิตย์ เอกะเทพเจ้า ผู้บันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ สว่างไสว มั่งคั่ง เพียบพร้อมด้วยมหาอำนาจบารมี ก็กำเนิดเกิดจากราชสีห์ สิงห์ เช่นกัน
************************
ประวัติโดยสังเขป พ่อท่านเขียว กิตฺติคุโณ กับ...ที่มาของฉายา 'เทพเจ้าฝ่ายบู๊'
พระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "เทพเจ้า" มีอยู่หลายรูป ส่วนใหญ่จะมรณภาพไปแล้ว เช่น
- "เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำชี" คือ พระมงคลญาณเถร หรือ หลวงปู่มา ญาณวโร ประธานสงฆ์แห่ง วัดสันติวิเวก อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
-"เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำโขง" คือ พระสุนทรธรรมากร หรือ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม
- "เทพเจ้าแห่งดอน (โคก) ยายหอม" คือ พระราชธรรมาภรณ์ หรือหลวงพ่อเงิน จนฺทสุวณฺโณ วัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม
- "เทพเจ้าของชาวชุมพร" คือ หลวงปู่สงฆ์ จนฺทสโร วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร และ "เทพเจ้าแห่งเมืองพิจิตร" หรือเทพเจ้าแห่งโพทะเล คือ หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร
ในขณะที่พระเกจิอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ คือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยมีการตั้งฉายานามว่า "เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด"
ส่วนอีกรูปหนึ่ง แม้ว่าท่านจะมีชื่อเสียงโด่งดังไม่เท่าหลวงพ่อคูณ แต่ก็เป็นที่รู้จักของพี่น้องชาวใต้เป็นอย่างดี คือ
-พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ หรือ พระครูอนุศาสน์กิจจาทร อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่ได้รับฉายานามว่า
"เทพเจ้าฝ่ายบู๊"
สำหรับที่มาของฉายานาม "เทพเจ้าฝ่ายบู๊" ของพ่อท่านเขียว เพราะท่านได้ทำนายเหตุการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ก่อนล่วงหน้า พร้อมกับสร้างตะกรุดพิสมรหลวงปู่ทวด แจกพี่น้อง ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนมีเหตุการณ์ความไม่สงบ
และตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ยังไม่มีผู้ใดแขวนเครื่องรางของขลังของพ่อท่านเขียว แล้วสังเวยชีวิตให้แก่เหตุการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เลย แม้แต่คนเดียว ส่วนยิงไม่ออก ยิงไม่เข้า ยิงไม่ถูก หรือแม้แต่โดนระเบิดไม่เป็นไร มีให้เห็นอยู่ทุกวัน
ท่านได้เป็นสหธรรมมิกกับ พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม) เจ้าอาวาสวัดช้างให้ ด้วยความสนิทสนม ชอบพออัธยาศัย ไปมาหาสู่กันเสมอ ระยะทางระหว่างวัดทั้งสองไม่ไกลกันนัก โดยได้ร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรมร่วมพิธีกรรมต่างๆ กันเสมอ
โดยเฉพาะเมื่อคราวที่พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ สร้างพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก เมื่อปี ๒๔๙๗ เพื่อแจกแก่ผู้ที่ร่วมสร้างอุโบสถ วัดช้างให้ นั้น พ่อท่านเขียว เป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมงาน โดยคลุกเนื้อผสมว่าน และร่วมอยู่ในพิธีกรรมเจริญพุทธมนต์
ระหว่าง ที่ท่านพระอาจารย์ทิมอัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด เพื่อปลุกเสกพระเครื่องเนื้อว่าน รุ่นแรก ในปี ๒๔๙๗ และร่วมพิธีกรรมปลุกเสกอีกหลายวาระ
จนเมื่อพระอาจารย์ทิมท่านมรณภาพแล้ว ยังมีพิธีกรรมที่สำคัญอีก ๑ วาระ คือ พิธีปลุกเสกพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน รุ่นปี ๒๕๒๔ ปัจจุบันเป็นที่เสาะหากันมาก เพราะมีประสบการณ์คุ้มภยันตรายแคล้วคลาดปลอดภัย แก่ผู้ที่นับถือ
นอกจากนี้ พ่อท่านเขียว ยังได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ในหลายพิธีตลอดมา ทั้งไกลและใกล้ จนถึงปัจจุบัน
ราคาปัจจุบัน
850
จำนวนผู้เข้าชม
2442 ครั้ง
สถานะ
ยังอยู่
โดย
ชื่อร้าน
พีพีพระเครื่อง
URL
เบอร์โทรศัพท์
0894483434
ID LINE
tanetbty
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 057-1-47965-6




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี